วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Heroes of the Storm เกมยาใจคนเกลียด MOBA

Heroes of the Storm เกมส์ยาใจคนเกลียด MOBA


เกมส์
MOBA หรือชื่อในแบบเต็มว่า Multiplayer online battle arena ซึ่งในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เราได้เห็น DOTA โผล่ขึ้นมาก็ตามมาด้วยเกมแนวเดียวกันอื่นๆอีกมากมาย ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีเลยก็คือ DOTA2 ,League of Legends และ HON Heroes Of Newerth เพียงแต่ว่าแม้เกมแนวนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากขนาดไหนแต่ก็ยังคงมีเกมเมอร์ ไม่น้อยที่เห็นแนวนี้แล้วต้องเกิดอาการแขยง อาจเป็นเพราะเข้าถึงยาก เกลียดสังคม ต้องอาศัยการเล่นทีมเวิร์คกับคนแปลกหน้าบ่อยครั้ง ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้บางคนเลิกเล่น MOBA ไปเลยก็มี แต่สิ่งที่ผมจะนำเสนอในบทความนี้คือการแนะนำ Heroes of the Storm อย่าง ที่บอกไปผมเรียกมันว่าเป็นยาใจของคนแพ้เกมส์ MOBA หรือไม่ค่อยถูกกับแนวนี้สักเท่าไรนัก เพราะอะไรผมถึงอยากแนะนำให้ลองเกมนี้จากค่าย Blizzard กับคนที่ไม่ค่อยชอบแนวนี้ ลองอ่านดูกัน
เกมออนไลน์
Heroes of the Storm กล้านำเสนอสิ่งใหม่มากกว่า MOBA ทั่วไป โอเคอยู่ว่าใจหลักของเกมคือการเล่นระหว่างผู้เล่น 5 Vs. 5 และต้องทำลายฐานในสุดของอีกฝั่งให้ได้ ตรงจุดนี้คือเป้าหมายหลักของทุกเกมแนวนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งใหม่ที่ผมบอกคือการที่ผู้เล่นสามารถ ‘เข้าถึงง่าย’ มากกว่าเกมอื่น เกมนั้นตัดไปเลยกับระบบซื้อไอเท็มผสมของน่าปวดหัวที่แม้เกมส์ DOTA2 พยายามทำให้มันดูง่าย แต่จากปากผู้เล่นบางคนแล้วพวกเขาก็ยังบอกว่ายังงงกับมันอยู่ดีและจะมาจบที่ คำว่า ซื้ออะไรดี? สำหรับ Heroes of the Storm ไม่เป็นเช่นนั้น ระบบนี้ได้ถูกตัดออกไปทำให้ผู้เล่นสามารถจดจ่ออยู่กับการเล่นระหว่างเกมการ แข่งขันได้มากขึ้น ลดคำถามที่ไม่จำเป็นออกไป ที่สำคัญลดคำพูดหมิ่นเหม่หรือเสียดสีอย่างเช่น ‘ออกของอะไรของเอ็ง?’ แน่นอนว่าประโยคลักษณะนี้ผู้เล่น MOBA น่าจะเคยเจอกันมาบ้างเวลาฝึกเล่นใหม่
จากการที่ผมบอกว่าตัวเกมตัดระบบไอเท็มออกไป คำถามต่อมาที่น่าจะสงสัยกันว่า แล้วแบบนี้ตัวละครของผู้เล่นมันจะไม่ออกมาเหมือนกันเสียหมดเลยหรือ? จุดนี้ทาง Blizzard ได้โยกไปที่ระบบเลเวลโดยแทรกระบบ Talent เข้าไป ในช่วงเลเวล 1 ,4 ,7 ,10 ,13 ,16 ,20 เราสามารถเลือกความสามารถเฉพาะทางของตัวละครได้ ซึ่งแต่ละช่วงจะมีตัวเลือกให้เลือกประมาณ 2 – 4 แบบ อย่างเช่นอัพไปแล้วใช้สกิลแรงขึ้น อัพไปแล้วทำให้ cool down ของสกิลลดลง เป็นต้น นี่ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกมดูน่าสนใจและไม่ต้องซีเรียสกับคำถามคลาสสิ คของมือใหม่ ‘อัพสกิลไหนก่อน?’ เพราะในระหว่างการเล่นไม่มีใครมาแคร์หรือสามารถดูรายละเอียดตัวละครเราได้ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องมานั่งซีเรียสว่าอัพ Talent แบบที่เราทำอยู่จะไป หนักกะบาลหัวเพื่อนร่วมทีมไหม เพราะมันขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของตัวเราล้วนๆมีข้อดีแตกต่างกันไปครับ
game
อีกหนึ่งระบบที่ผมชอบมากใน Heroes of the Storm นั่นก็คือระบบเลเวลซึ่งแตกต่างจากเกมส์ MOBA ทั่วไปที่เรามักจะเห็นการแยกเก็บเลเวลของใครของมัน เล่นได้ดี ฆ่าศัตรูได้เยอะ เรียกว่า ‘เกิด’ เลเวลก็จะสูงกว่าผู้เล่นคนอื่น แต่กรณีเล่นได้แย่ตายบ่อย สิ่งที่ตามมาคือค่าประสบการณ์ที่ได้รับน้อยกว่าชาวบ้านทำให้มีเลเวลน้อย สิ่งตามมาคือการเป็นจุดอ่อนของทีม กรณีไม่ได้เล่นกับเพื่อนโชคร้ายหน่อยอาจโดนคำพูดจากเพื่อนร่วมทีมต่อว่าใน ลักษณะเสียๆหายๆ แต่สำหรับเกม Heroes of the Storm ระบบเลเวลจะเป็นแบบทีมแทนครับ การฆ่าฝั่งตรงข้ามได้ การฆ่า Creep ฝั่งตรงข้าม การฆ่าศัตรูตามป่าภายในแผนที่ ทั้งหมดนี้จะเป็นเลเวลโดยรวมแสดงด้านบนของหน้าจอขณะเล่นว่าทีมเราขณะนี้เล เวลอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว นี่จึงเป็นข้อดีที่ช่วยลดความกดดันต่อผู้เล่นเฉพาะบุคคลกลายเป็นต้องรับผิด ชอบร่วมกันทั้งทีมนั่นเอง
พูดถึงเกมส์เพลย์ สำหรับเกม MOBA ทั่วไปแล้วเรามักคุ้นเคยกับแผนที่ 3 เลน ต้นเกมก็ต้องแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างเก็บเลเวลเล่นแบบเซฟตัวเองให้มากที่สุด พอเลเวลถึงในระดับหนึ่งก็ค่อยมาแก๊งกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น อันนี้คือลักษณะโดยปกติที่เรามักได้เจอ ก็คือเกมส์จะค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นของการปะทะไปเรื่อยๆไปจนจบเกม ส่วน Heroes of the Storm ลืมไปได้เลยกับสิ่งเหล่านั้น ผู้เล่นทุกคนสามารถไล่ปะทะกับฝั่งตรงข้ามได้ตั้งแต่ต้นเกมส์ ไม่จำเป็นต้องวิ่งแยกไปแต่ละเลน แต่สามารถแก๊งกับเพื่อนเล่นกันเป็นทีมได้เลยเพราะเริ่มมาตัวละครของเราก็มี สกิลให้ใช้จำนวน 3 แบบแล้ว แถมหมดปัญหากับการบ่นเดินช้าเพราะเกมนำเสนอระบบขี่ม้าเพียงแค่กดปุ่ม ‘z’ รอสักแป้ปตัวละครของเราก็วิ่งเร็วเป็นปรอท แม้จะดูแปลกตาหน่อยกับภาพ Diablo ขี่ม้าตัวจิ๋วก็ตามที
เกมส์
สิ่งที่ผมถือว่าเป็นเสน่ห์ของ Heroes of the Storm นั่นก็คือแผนที่ โดยปกติ MOBA ทั่วไปเรามักจะเห็นแผนที่ 3 เลนหน้าตาคล้ายกันไปหมด แต่ในเกมนี้เองจะนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กับแผนที่มาก ขึ้น โอเคว่ามันยังคงเน้นความเป็น 3 เลนอยู่ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ Creep ภายในป่าที่สามารถช่วยเราบนสนามรบได้ แต่ก่อนที่มันจะมาช่วยเราเราต้องกำจัดมันให้ได้เสียก่อนครับ จุดนี้ผมถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งให้การเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก เพราะลูกเล่นนี้มีมากมายหลายแบบทั้งความยากของ Creep ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ และต้องคอยเฝ้าระวังการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพราะพวกเขาก็มีเป้าหมายไม่ต่าง จากเรา
เกม
นอกจากความสนุกในการให้ Creep ป่าช่วยต่อสู้แล้ว รูปแบบแผนที่ภายในเกมส์ก็จะไม่มีอยู่แบบเดียวตายตัว อาจมีธีมรูปแบบอื่นเช่นเป็นสวน ปราสาท เหมือง แถมยังมีแผนที่ย่อยเป็นดันเจี้ยนเล็กๆ เป็นต้น ซึ่งในแผนที่ก็จะมีเป้าหมายให้เหล่าผู้เล่นได้ทำ หากทำสำเร็จก็อาจจะเรียกอัศวินมังกรมาช่วยรบได้ หรือทำให้ Creep ฝั่งตรงข้ามติดคำสาปโดนตีครั้งเดียวตาย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละแผนที่ที่จะได้เล่น ถือว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสนุกและความหลากหลายในเกมเพลย์มากกว่าการ ระห่ำกันระหว่างเราและฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียว อีกนัยหนึ่งเราสามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้โดยที่แทบไม่ต้องเข้าปะทะ เพียงแต่นำ Creep ป่ามาเสริมทัพให้ได้มากที่สุดร่วมสนามรบเพื่อกำจัดฐานของฝั่งตรงข้ามก็ สามารถทำได้เช่นกัน …อันนี้เพิ่มเติมนิดหน่อย Creep ป่าที่ผมบอกว่ามีบทบาทสำคัญก็เพราะว่าค่อนข้างกำจัดได้ยากแม้ตัวผู้เล่นจะมี เลเวลสูงแล้วก็ตามที ด้วยความที่อึดกว่าปกติจึงทำให้สามารถยืนถล่มป้อมฝั่งตรงข้ามได้อย่างสบายใจ เฉิบเลยล่ะ ส่วนเวลาการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกมจะใช้ประมาณ 15 – 30 นาที ก็สามารถเล่นจนจบในแต่ละเกมส์การแข่งขันได้ครับ
เกมส์
หากอ่านกันมาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านเองก็คงเริ่มเข้าใจกันแล้วว่าเกมมีจุด เด่นอย่างไร จะเรียกว่า ‘แคชชวล’ พอสมควรกว่าเกม MOBA ทั่วไปก็คงไม่ผิดนัก มองในแง่ดีอย่างที่ผมพูดไปคือ ‘เกมเข้าถึงง่าย’ และด้วยเอกลักษณ์การนำเสนอที่ยากจะมีใครเหมือน การได้เล่นเหล่าฮีโร่ของ Blizzard ที่ผมใฝ่ฝันมานานโดยเฉพาะ Tyrael แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเอามาก ด้วยการที่ผมกล้ายกนิ้วว่าเป็นอีกหนึ่งเกมระดับคุณภาพ จะไม่แปลกใจเลยถ้าเกม Heroes of the Storm จะก้าวไปสู่ MOBA ระดับแนวหน้าของโลกได้


.......... .......... .......... .......... ..........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น