วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

SSHD เป็นทางเลือกหนึ่งของการเพิ่มความจุและด้านความเร็วการเล่นเกมส์ ให้กับพีซีและโน๊ตบุ๊ก ในราคาแบบประหยัด

SSHD เป็นทางเลือกหนึ่งของการเพิ่มความจุและด้านความเร็วการเล่นเกมส์ ให้กับพีซีและโน๊ตบุ๊ก ในราคาแบบประหยัด

เกมส์
เมื่อพูดถึงชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ นอกจากชิ้นส่วนซีพียูและแรมแล้ว อุปกรณ์ภายในอีกอย่างนึงที่ได้มีผลต่อความเร็วในการทำงานของตัวเครื่องนั้นก็คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลหรือว่าฮาร์ดไดรฟ์ เนื่องจากว่าการที่หน่วยจัดเก็บข้อมูลของเราทำงานได้เร็วมากเท่าไร การบันทึกของข้อมูลลงไปหรือการเรียกข้อมูลขึ้นมาเพื่อแสดงผลให้เราเห็นก็จะทำได้เร็วมากขึ้น เท่านั้น ตัวอย่างเช่น การเล่นเกมส์ต่อสู้ที่มีกราฟฟิกสวยๆ, การใช้โปรแกรมตัดต่อภาพหรือวีดิโอ เป็นต้นค่ะ ซึ่งโดยปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์หรือว่าแล็ปท็อปส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ HDD แบบจานแม่เหล็กหมุนกันค่ะ
แต่ส่วนถ้าใครอยากให้คอมพิวเตอร์ ให้แรงขึ้นอีก ก็มักจะเปลี่ยนจากการใช้ HDD แบบธรรมดา มาเป็นแบบ solid-state drive (SSD) ที่มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงกว่าแบบ HDD หลายเท่าตัว ไม่ส่งเสียงดัง(เพราะว่าไม่ใช้ระบบจานหมุน) แถมยังจะประหยัดพลังงานได้อีกด้วย แต่มีข้อเสียหลักๆสำคัญตรงที่ในส่วนของราคาของ SSD นั้นยังคงแพงกว่า HDD ธรรมดามากมายเลยทีเดียว
เกมส์ต่อสู้
ด้วยความแตกต่างของด้านประสิทธิภาพและด้านราคาระหว่าง HDD กับแบบ SSD ทำให้ ณ เวลาตอนนี้มีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทางเลือกแบบใหม่ที่ได้มีชื่อว่า Solid State Hybrid Drive หรือเรียกย่อๆ SSHD ได้ออกมาอุดช่องว่างนั้นแล้วค่ะ กล่าวก็คือ SSHD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ได้มีประสิทธิภาพดีกว่าแบบ HDD ธรรมดา แต่มีราคาไม่สูงเกินไปจนเอื้อมไม่ถึงเหมือน SSD นั่นเอง
เกม
หลักการทำงานของแบบ SSHD คือจัดการรวมเอา SSD กับแบบ HDD ธรรมดามาไว้เป็นชิ้นเดียวกันเลย ซึ่งในตัว SSHD นั้นจะมีส่วนที่เป็น SSD อยู่ที่ 8 GB ที่ทำหน้าที่ในการเก็บแคชข้อมูลหรือว่าเป็นบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ เพื่อจะให้การเรียกใช้งานโปรแกรมนั้นๆหรือไฟล์ต่างๆ บนระบบปฏิบัติการของตัวเครื่องทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเนื้อที่ในส่วนของที่เป็น SSD นั้นเราจะไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งหรือจัดการได้ เพราะเนื่องจากตัวควบคุมการทำงานของ SSHD นั้นจะทำการตัดสินใจเองว่าจะสามารถเก็บไฟล์ไหนไว้ใน SSD Caching ได้เอง ...กล่าวก็คือ เราจะสามารถใช้ SSHD ได้ตามแบบปกติเหมือน HDD ทั่วไปและ ไม่ต้องไปจัดการตั้งค่าอะไรให้วุ่นวายทั้งสิ้น
เกมส์ต่อสู้
มาชมวีดิโอแนะนำหลักการทำงานและข้อดีของเจ้า SSHD แบบสั้นๆดีกว่า
เป็นที่แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ทางเราจะมาแนะนำและทดสอบให้ชมกันในตอนนี้ จะเป็นแบบ SSHD จากแบรนด์ของ Seagate ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เก็บข้อมูลรายใหญ่อันดับแรกๆ ที่ได้บุกเบิกตลาดของ SSHD ในหมู่ผู้ใช้โดยทั่วไปเลยก็ว่าได้ค่ะ โดย SSHD ที่เราได้มาทดสอบในครั้งนี้ จะเป็นแบบ SSHD สำหรับแล็บท็อปขนาดหน้าจอ 2.5 นิ้ว ความจุอยู่ที่ 1,000 GB และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นสำหรับแล็บท็อป แต่ทว่าจริงๆ แล้วเราสามารถจะนำ Seagate SSHD ตัวนี้เข้าไปใช้ร่วมกันกับ PC (ตั้งโต๊ะ)และ MacBook หรือว่าเครื่องเล่นเกมคอนโซลชื่อดังอย่างเครื่อง PlayStation 4 ได้ด้วย (ดังนั้นวีดิโอแนะนำการติดตั้ง SSHD ในบน PS4 ด้านล่าง)
รูปร่างหน้าตาของเจ้า SSHD ตัวนี้ ก็คล้ายกันกับแบบ HDD ของโน๊ตบุ๊กแบบทั่วๆไป ที่มีขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 2.5 นิ้ว สามารถที่จะใช้งานร่วมกันกับโน๊ตบุ๊กน่าจะเกือบทุกรุ่นเลย รวมถึงแบบ MacBook Pro ของเราที่จะนำมาร่วมทดสอบการใช้งาน SSHD ในครั้งนี้ด้วยค่ะ
SSHD
การเปลี่ยนแปลงจาก HDD ธรรมดาทั่วไปมาเป็น SSHD ก็ไม่ยากค่ะ เพราะเพียงไขฝาด้านหลังของเครื่องออกเพื่อถอด HDD ตัวเก่านั้นออกมา
เกมส์ต่อสู้
จากนั้นก็นำ SSHD ใส่แทนที่ลงไปค่ะ แล้วก็ทำการไขน๊อตเก็บให้เหมือนเดิม ไม่ต้องทำการไปปรับแต่งหรือใช้อุปกรณ์เสริมใดๆทั้งสิ้น ใช้เวลาในการทำไม่ถึง 10 นาทีค่ะ
SSHD
หลังจากตัว MacBook Pro ของเราเปลี่ยนเป็นแบบ SSHD แล้ว ซึ่งยังด้านภายในนั้นยังเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีแบบ OS ใดๆ เราจึงได้ทำการติดตั้ง OS X ระบบปฏิบัติการสำหรับเจ้าเครื่องแมคลงไป หรือหากว่าใครใช้โน๊ตบุ๊กแบบทั่วไปจะลงใน Windowsหรือ Linux หรือว่าอะไรก็ได้ค่ะ และสำหรับคนที่ไม่ได้ชำนาญเรื่องการติดตั้งแบบ OS บนเจ้า SSHD ใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะเพราะ ทาง Seageate ได้จัดทำคู่มือพร้อมกับโปรแกรมช่วย Clone ฮาร์ดดิสก์จากลูกเก่ามาไว้ที่ใน SSHD แจกฟรีด้วยค่ะ!! มีชื่อโปรแกรมว่า DiscWizard
SSHD
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วนั้น ให้ลองเข้าไปเช็ค Properties โดยจากตัว OS X ดู ก็จะได้พบว่าตัว OS ของเรานั้นเห็นเนื้อที่ใน SSHD ครบถ้วนถึง 1000GB ค่ะ
SSHD
ในแง่ของประสิทธิภาพของเจ้า SSHD นั้น จากที่เราร่วมได้ทดสอบใช้งานแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อใช้งานไปสักพักนึง เช่น เปิดใช้งานโปรแกรม Photoshop ครั้งแรกนั้น ความเร็วจะไม่แตกต่าง แต่ถ้าว่าเปิดครั้งที่ 2-3 ครั้งไปแล้วนั้นจะเห็นได้อย่างชัดว่าเปิดโปรแกรมได้เร็วขึ้นจริงๆ หรือว่าทำการบูตเครื่อง(เปิดเครื่องใหม่) ในรอบที่ 2-3 จะเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนค่ะ เพราะว่าเจ้าตัว SSHD นั้นได้ทำการนำไฟล์ที่คิดว่าจะถูกเรียกใช้งานบ่อยๆครั้ง จะจัดไปเก็บไว้ในส่วนที่เป็น SSD ทำให้สามารถเรียกใช้งานไฟล์ส่วนนั้นได้ออกมาเร็วกว่าการจัดเก็บในแบบ HDD ทั่วไป
วีดิโอทดสอบการบูทของ OS X บนเครื่อง MacBook Pro ด้วยเจ้า SSHD ใช้เวลาถึง17 วินาทีเท่านั้นค่ะ
ได้ทดสอบการบูท Windows 10 บนเครื่อง MacBook Pro (BootCamp) ได้ใช้เวลาในการบูทราวๆ 22-23 วินาทีค่ะ
เราได้ลองทดสอบ Copy ไฟล์ดอท .ISO ขนาดถึง 4GB จาก Ext. HDD ด้วยสายแบบ USB 3.0 โดยถ้าเป็น HDD แบบปกติทั่วไปนั้น จะใช้เวลาถึงประมาณ 2 นาที โดยอัตราการเขียนข้อมูลจะอยู่ที่ 30 – 35 Mbps
SSHD
แต่เมื่อใช้ไฟล์เดียวกันนั้นกับข้างบน ได้ทดสอบ Copy ลงบน SSHD จะใช้เวลาประมาณเพียง 50 วินาทีเท่านั้นค่ะ โดยอัตราการเขียนข้อมูลจะอยู่ที่ 65 – 75 Mbps
game
ซึ่งจะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของเจ้า SSHD ได้มีความแตกต่างกันกับ HDD อย่างเห็นได้ชัดเจน ถึงแม้ไม่หวือหวาเหมือนเจ้า SSD แต่ถ้าจะมองเรื่องความคุ้มค่าของราคาก็น่าพึงพอใจไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งเราจะเปรียบเทียบราคาของอุปกรณ์กันทั้ง 3 ชนิดให้ได้เห็นภาพกันดังนี้ค่ะ
- เครื่องHDD ธรรมดาทั่วไป ความจุอยู่ที่ 1TB ราคาคร่าวๆประมาณจะอยู่ที่ 1,600 – 2,000 บาท ค่ะ
- เครื่องSSHD มีความจุ 1TB ตัวที่เราได้มาร่วมทดสอบ ราคาจะอยู่ประมาณ 3,800 – 4,200 บาท ค่ะ
- เครื่องSSD มีความจุ 1TB ราคาจะอยู่ประมาณ 10,000 – 15,000  บาทค่ะ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงความจุที่เทียบเท่ากันนั้น HDD นั้นจะมีราคาถูกที่สุด รองลงมาก็คือ SSHD ส่วนราคา SSD จะมีราคาที่กระโดดขึ้นไปสูงมากกว่าพวกเลย ดังนั้นแล้วท่านใดที่มีงบน้อย คิดที่จะเพิ่มความจุของฮาร์ดดิสก์และยังอยากได้ความเร็วในการใช้งานด้วยแล้วเจ้า SSHD นับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
ติดตามการอัพเดทเกมส์ใหม่game มาแรง ได้แล้วที่นี่: http://higameonline.blogspot.com/
.......... .......... .......... .......... ..........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น