จากอดีตถึงปัจจุบัน การเล่นเกมส์มันเปลี่ยนไปอย่างไร
วันนี้ผมไปเจอรูปมุกนึงจาก 9Gag มาครับที่ http://m.9gag.com/gag/aeNArgO เป็น การพูดถึงเรื่องราวของเกมส์ในสมัยก่อน กับเกมในยุคปัจจุบัน ว่าต่างกันอย่างไร โดยรูปฝั่งซ้ายจะเป็นอดีต ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเรื่องปัจจุบันครับ
สมัยเด็กๆ น้อยคนนักที่จะมีเครื่องเกมเล่นเป็นของตัวเอง เด็กที่อยากเล่นเกม เลยต้องแก้ปัญหาโดยการขอเงินพ่อแม่ไปนั่งเล่นที่ร้านเกมเป็นประจำ แต่ ปัจจุบันนี้จะกลายเป็นขอตังไปเติมเกมมือถือหรือเกมออนไลน์แทน
สมัยก่อนตลับเกมเสียทำอย่างไรดี "เป่าดิครับ" ไม่ก็เอายางลบถูๆ ไถๆ เดี๋ยวก็เล่นได้เอง แต่ปัจจุบันนี้เกมส่วนใหญ่มาในรูปแบบ Digital Content เกมจะเสีย ก็เสียด้วยตัวของมันเองนี่แหละ แล้วการจะแก้ปัญหาได้ก็มีแต่ติดต่อทีมงานผู้ให้บริการ หรือไม่ก็รอแพตช์แก้กันไป
สมัยเด็กๆ บ้านผมมักจะเป็นแหล่งสุมหัวของเพื่อนๆ ที่จะมานั่งเล่นเกมด้วยกัน หรือบางเกมเพื่อนไม่กล้าเล่นอย่าง Resident Evil หรือ Silent Hill ก็ให้ผมมานั่งเล่นให้ดูแทน แต่เดี๋ยวนี้ อยากดูใครเล่นเกมไหน เปิดยูทุบแปปเดียวก็เจอแล้ว
อันนี้ไม่ใช่แค่ Sonic อย่างเดียวครับ ทั้ง Mario, Zelda ฯลฯ ก็ยังคงมีทำออกมาเรื่อยๆ พล็อตเรื่องหลักๆ คล้ายเดิม เจ้าหญิงโดนจับตัว (จะโดนจับอะไรกันทุกภาคฟะ) เด็กๆ เราอาจเล่นโดยไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะเกมเพลย์แบบ Platformer มันสนุก แต่พอโตขึ้นมาและรับรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว มันทำให้เอียนเหมือนกันนะ
สมัยก่อนนี่เกมไหนมี DLC ถือว่าเป็นอะไรที่เทพมาก เนื้อเรื่องใหม่ ฉากใหม่ๆ ตัวละครให้เล่นเพิ่ม ปรับระบบใหม่กราฟิกใหม่มากมาย แม้จะออกช้าไปเป็นปี แฟนๆ ก็ยังย้อนกลับมาเล่นใหม่อย่างมีความสุข ต่างกับปัจจุบัน ขายเกมพร้อม DLC ไม่ก็ Season Pass ล่วงหน้าที่ไม่รู้ว่า DLC มันคืออะไร ตัดแบ่งเนื้อเรื่องที่ควรจะเป็นไปขายแยก เจ็บสุดก็เอาฉากจบของเกมไปเป็น DLC นี่แหละ
การเล่น Multiplayer สมัยก่อนก็มีแต่นั่งเล่นกันสองคน หากจะมากกว่านั้นก็ซื้อจอยพ่วงมาต่อนั่งเล่นภายในบ้าน ใครเล่นกวนตีนเล่นโกงก็ตบกบาลมันตรงนั้น ขำขันเฮฮา ปัจจุบันนี้เราเล่นเกม Multiplayer แบบออนไลน์กันมากกว่า โดยเพื่อนที่เล่นด้วยนั้นอาจเป็นคนนอกที่เราไม่รู้จัก ทำให้เกิดอาการเกรียนใส่ ด่ากราดกันแบบไม่เกรงกลัวสิ่งใด โลกนี้อยู่ยาก ถ้าใครไม่ไหวจริงอยู่ไม่ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น