Heroes of the Storm เกมส์ยาใจคนเกลียด MOBA
MOBA หรือชื่อในแบบเต็มว่า Multiplayer online battle arena ซึ่งในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เราได้เห็น DOTA โผล่ขึ้นมาก็ตามมาด้วยเกมแนวเดียวกันอื่นๆอีกมากมาย ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีเลยก็คือ DOTA2 ,League of Legends และ HON Heroes Of Newerth เพียงแต่ว่าแม้เกมแนวนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากขนาดไหนแต่ก็ยังคงมีเกมเมอร์ ไม่น้อยที่เห็นแนวนี้แล้วต้องเกิดอาการแขยง อาจเป็นเพราะเข้าถึงยาก เกลียดสังคม ต้องอาศัยการเล่นทีมเวิร์คกับคนแปลกหน้าบ่อยครั้ง ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้บางคนเลิกเล่น MOBA ไปเลยก็มี แต่สิ่งที่ผมจะนำเสนอในบทความนี้คือการแนะนำ Heroes of the Storm อย่าง ที่บอกไปผมเรียกมันว่าเป็นยาใจของคนแพ้เกมส์ MOBA หรือไม่ค่อยถูกกับแนวนี้สักเท่าไรนัก เพราะอะไรผมถึงอยากแนะนำให้ลองเกมนี้จากค่าย Blizzard กับคนที่ไม่ค่อยชอบแนวนี้ ลองอ่านดูกัน
Heroes of the Storm กล้านำเสนอสิ่งใหม่มากกว่า MOBA ทั่วไป โอเคอยู่ว่าใจหลักของเกมคือการเล่นระหว่างผู้เล่น 5 Vs. 5 และต้องทำลายฐานในสุดของอีกฝั่งให้ได้ ตรงจุดนี้คือเป้าหมายหลักของทุกเกมแนวนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งใหม่ที่ผมบอกคือการที่ผู้เล่นสามารถ ‘เข้าถึงง่าย’ มากกว่าเกมอื่น เกมนั้นตัดไปเลยกับระบบซื้อไอเท็มผสมของน่าปวดหัวที่แม้เกมส์ DOTA2 พยายามทำให้มันดูง่าย แต่จากปากผู้เล่นบางคนแล้วพวกเขาก็ยังบอกว่ายังงงกับมันอยู่ดีและจะมาจบที่ คำว่า ซื้ออะไรดี? สำหรับ Heroes of the Storm ไม่เป็นเช่นนั้น ระบบนี้ได้ถูกตัดออกไปทำให้ผู้เล่นสามารถจดจ่ออยู่กับการเล่นระหว่างเกมการ แข่งขันได้มากขึ้น ลดคำถามที่ไม่จำเป็นออกไป ที่สำคัญลดคำพูดหมิ่นเหม่หรือเสียดสีอย่างเช่น ‘ออกของอะไรของเอ็ง?’ แน่นอนว่าประโยคลักษณะนี้ผู้เล่น MOBA น่าจะเคยเจอกันมาบ้างเวลาฝึกเล่นใหม่
จากการที่ผมบอกว่าตัวเกมตัดระบบไอเท็มออกไป คำถามต่อมาที่น่าจะสงสัยกันว่า แล้วแบบนี้ตัวละครของผู้เล่นมันจะไม่ออกมาเหมือนกันเสียหมดเลยหรือ? จุดนี้ทาง Blizzard ได้โยกไปที่ระบบเลเวลโดยแทรกระบบ Talent เข้าไป ในช่วงเลเวล 1 ,4 ,7 ,10 ,13 ,16 ,20 เราสามารถเลือกความสามารถเฉพาะทางของตัวละครได้ ซึ่งแต่ละช่วงจะมีตัวเลือกให้เลือกประมาณ 2 – 4 แบบ อย่างเช่นอัพไปแล้วใช้สกิลแรงขึ้น อัพไปแล้วทำให้ cool down ของสกิลลดลง เป็นต้น นี่ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกมดูน่าสนใจและไม่ต้องซีเรียสกับคำถามคลาสสิ คของมือใหม่ ‘อัพสกิลไหนก่อน?’ เพราะในระหว่างการเล่นไม่มีใครมาแคร์หรือสามารถดูรายละเอียดตัวละครเราได้ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องมานั่งซีเรียสว่าอัพ Talent แบบที่เราทำอยู่จะไป หนักกะบาลหัวเพื่อนร่วมทีมไหม เพราะมันขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของตัวเราล้วนๆมีข้อดีแตกต่างกันไปครับ
อีกหนึ่งระบบที่ผมชอบมากใน Heroes of the Storm นั่นก็คือระบบเลเวลซึ่งแตกต่างจากเกมส์ MOBA ทั่วไปที่เรามักจะเห็นการแยกเก็บเลเวลของใครของมัน เล่นได้ดี ฆ่าศัตรูได้เยอะ เรียกว่า ‘เกิด’ เลเวลก็จะสูงกว่าผู้เล่นคนอื่น แต่กรณีเล่นได้แย่ตายบ่อย สิ่งที่ตามมาคือค่าประสบการณ์ที่ได้รับน้อยกว่าชาวบ้านทำให้มีเลเวลน้อย สิ่งตามมาคือการเป็นจุดอ่อนของทีม กรณีไม่ได้เล่นกับเพื่อนโชคร้ายหน่อยอาจโดนคำพูดจากเพื่อนร่วมทีมต่อว่าใน ลักษณะเสียๆหายๆ แต่สำหรับเกม Heroes of the Storm ระบบเลเวลจะเป็นแบบทีมแทนครับ การฆ่าฝั่งตรงข้ามได้ การฆ่า Creep ฝั่งตรงข้าม การฆ่าศัตรูตามป่าภายในแผนที่ ทั้งหมดนี้จะเป็นเลเวลโดยรวมแสดงด้านบนของหน้าจอขณะเล่นว่าทีมเราขณะนี้เล เวลอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว นี่จึงเป็นข้อดีที่ช่วยลดความกดดันต่อผู้เล่นเฉพาะบุคคลกลายเป็นต้องรับผิด ชอบร่วมกันทั้งทีมนั่นเอง
พูดถึงเกมส์เพลย์ สำหรับเกม MOBA ทั่วไปแล้วเรามักคุ้นเคยกับแผนที่ 3 เลน ต้นเกมก็ต้องแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างเก็บเลเวลเล่นแบบเซฟตัวเองให้มากที่สุด พอเลเวลถึงในระดับหนึ่งก็ค่อยมาแก๊งกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น อันนี้คือลักษณะโดยปกติที่เรามักได้เจอ ก็คือเกมส์จะค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นของการปะทะไปเรื่อยๆไปจนจบเกม ส่วน Heroes of the Storm ลืมไปได้เลยกับสิ่งเหล่านั้น ผู้เล่นทุกคนสามารถไล่ปะทะกับฝั่งตรงข้ามได้ตั้งแต่ต้นเกมส์ ไม่จำเป็นต้องวิ่งแยกไปแต่ละเลน แต่สามารถแก๊งกับเพื่อนเล่นกันเป็นทีมได้เลยเพราะเริ่มมาตัวละครของเราก็มี สกิลให้ใช้จำนวน 3 แบบแล้ว แถมหมดปัญหากับการบ่นเดินช้าเพราะเกมนำเสนอระบบขี่ม้าเพียงแค่กดปุ่ม ‘z’ รอสักแป้ปตัวละครของเราก็วิ่งเร็วเป็นปรอท แม้จะดูแปลกตาหน่อยกับภาพ Diablo ขี่ม้าตัวจิ๋วก็ตามที
สิ่งที่ผมถือว่าเป็นเสน่ห์ของ Heroes of the Storm นั่นก็คือแผนที่ โดยปกติ MOBA ทั่วไปเรามักจะเห็นแผนที่ 3 เลนหน้าตาคล้ายกันไปหมด แต่ในเกมนี้เองจะนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กับแผนที่มาก ขึ้น โอเคว่ามันยังคงเน้นความเป็น 3 เลนอยู่ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ Creep ภายในป่าที่สามารถช่วยเราบนสนามรบได้ แต่ก่อนที่มันจะมาช่วยเราเราต้องกำจัดมันให้ได้เสียก่อนครับ จุดนี้ผมถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งให้การเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก เพราะลูกเล่นนี้มีมากมายหลายแบบทั้งความยากของ Creep ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ และต้องคอยเฝ้าระวังการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพราะพวกเขาก็มีเป้าหมายไม่ต่าง จากเรา
นอกจากความสนุกในการให้ Creep ป่าช่วยต่อสู้แล้ว รูปแบบแผนที่ภายในเกมส์ก็จะไม่มีอยู่แบบเดียวตายตัว อาจมีธีมรูปแบบอื่นเช่นเป็นสวน ปราสาท เหมือง แถมยังมีแผนที่ย่อยเป็นดันเจี้ยนเล็กๆ เป็นต้น ซึ่งในแผนที่ก็จะมีเป้าหมายให้เหล่าผู้เล่นได้ทำ หากทำสำเร็จก็อาจจะเรียกอัศวินมังกรมาช่วยรบได้ หรือทำให้ Creep ฝั่งตรงข้ามติดคำสาปโดนตีครั้งเดียวตาย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละแผนที่ที่จะได้เล่น ถือว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสนุกและความหลากหลายในเกมเพลย์มากกว่าการ ระห่ำกันระหว่างเราและฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียว อีกนัยหนึ่งเราสามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้โดยที่แทบไม่ต้องเข้าปะทะ เพียงแต่นำ Creep ป่ามาเสริมทัพให้ได้มากที่สุดร่วมสนามรบเพื่อกำจัดฐานของฝั่งตรงข้ามก็ สามารถทำได้เช่นกัน …อันนี้เพิ่มเติมนิดหน่อย Creep ป่าที่ผมบอกว่ามีบทบาทสำคัญก็เพราะว่าค่อนข้างกำจัดได้ยากแม้ตัวผู้เล่นจะมี เลเวลสูงแล้วก็ตามที ด้วยความที่อึดกว่าปกติจึงทำให้สามารถยืนถล่มป้อมฝั่งตรงข้ามได้อย่างสบายใจ เฉิบเลยล่ะ ส่วนเวลาการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกมจะใช้ประมาณ 15 – 30 นาที ก็สามารถเล่นจนจบในแต่ละเกมส์การแข่งขันได้ครับ
หากอ่านกันมาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านเองก็คงเริ่มเข้าใจกันแล้วว่าเกมมีจุด เด่นอย่างไร จะเรียกว่า ‘แคชชวล’ พอสมควรกว่าเกม MOBA ทั่วไปก็คงไม่ผิดนัก มองในแง่ดีอย่างที่ผมพูดไปคือ ‘เกมเข้าถึงง่าย’ และด้วยเอกลักษณ์การนำเสนอที่ยากจะมีใครเหมือน การได้เล่นเหล่าฮีโร่ของ Blizzard ที่ผมใฝ่ฝันมานานโดยเฉพาะ Tyrael แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเอามาก ด้วยการที่ผมกล้ายกนิ้วว่าเป็นอีกหนึ่งเกมระดับคุณภาพ จะไม่แปลกใจเลยถ้าเกม Heroes of the Storm จะก้าวไปสู่ MOBA ระดับแนวหน้าของโลกได้
.......... .......... .......... .......... ..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น